เผยตัวเลขดัชนีสะท้อนประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้เกษตรดิจิทัล
หรือ Digital Agricultural Performance Index (DAPI) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 35 ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 15
ผลิตภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 19 เล็งปีหน้า
จัดใหญ่ขยายผลสู่เกษตรกรหัวขบวนทั่วประเทศ”
วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ดร.กิตติโชติ ศุภกำเนิด ผอ.กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ประกอบการ (เกษตรกร)
ผู้ร่วมกิจกรรม 20 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมจาก 6 จังหวัด
ทั่วประเทศ ในกิจกรรมพัฒนาเกษตรแม่นยำด้วยเทคโนโลยีอวกาศ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ร่วมกับสมาคมส่งเสริมดิจิทัลเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม หรือ DPAI
ซึ่งได้นำเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ
เช่นสถานีตรวจวัดสภาพภูมิอากาศทางการเกษตร เซนเซอร์ทางการเกษตรหลากหลายชนิด
ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของนักวิจัยด้านการเกษตรทั่วโลก
รวมถึงการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (GIS) ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม
ที่ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์กรมหาชน)
หรือ GISTDA ผ่านแอพลิเคชั่นแมลงปอ หรือ DargonFly เรียนรู้การใช้โดรนเพื่อการเกษตรและเทคนิค NDVI ช่วยวิเคราะห์สุขภาพพืช
ร่วมกับ
เทคโนโลยี Ai และนวัตกรรมทางด้านจุลินทรีย์เฉพาะทาง
ที่ผลิตด้วยหลักวิทยาศาสตร์โดยมีงานวิจัยรองรับของศาสตราจารย์ ดร.เกษม สร้อยทอง มาใช้ในการฟื้นฟูดิน แก้ปัญหาแมลงและโรคพืช นอกจากนี้ยังเชิญผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา
รวมถึงด้านกลยุทธ์การตลาด และเทคโนโลยี Blockchain เพื่อร่วมพัฒนาออกแบบโซลูชั่นแก้ปัญหา
ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและรายได้
ให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรมได้ครบตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
เพื่อเติมเต็มช่วยเกษตรกรได้บรรลุเป้าหมาย เพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการประกอบธุรกิจเกษตรเพิ่มมากขึ้น
ผ่านการให้คำปรึกษาได้อย่างตรงความต้องการ พาผู้เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้
ทั้งทฤษฎีและลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้เข้าใจ เกิดทักษะ ความชำนาญ
จนเกิดเป็นองค์ความรู้เฉพาะรายที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ ด้วยการจัดการทรัพยากรที่แม่นยำตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลา เข้าถึงตลาดมูลค่าสูง ด้วยมาตรฐานและความน่าเชื่อถือ
พัฒนาต่อยอดจริงได้ด้วยตนเอง พร้อมเป็นต้นแบบให้เกษตรกรรายอื่นได้
กิจกรรมนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 150 วัน มีการนำเกณฑ์ดัชนีสะท้อนประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้เกษตรดิจิทัล
หรือ Digital Agricultural Performance Index มาประเมินผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง
20 ราย เมื่อสิ้นสุดโครงการพบว่า ประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้เกษตรดิจิทัลของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้น
เฉลี่ยร้อยละ 35 การนำเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมนั้นช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เฉลี่ยร้อยละ
15 และคาดว่าจะมีผลิตภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 19
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นกิจกรรมที่เกิดคุณค่าและสร้างประโยชน์
ด้านการเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ และลดต้นทุน อย่างชัดเจน
เป็นผลสำเร็จที่จับต้องได้ และในงานวันนี้ กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม
ได้นำเทคโนโลยีที่ใช้ในกิจกรรม
รวมถึงได้นำผลลัพธ์ความสำเร็จของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 20 กิจการ
มาแสดงให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้ชมด้วย
ในครั้งนี้
มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Success Case จำนวน 4 ราย ได้แก่ คุณชนัญญา เชวงโชติ
จากสวนลุงชะเอม จังหวัดราชบุรี ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการจัดการเกษตรแม่นยำเชิงนิเวศ
, คุณศีลวัต จีรวงศ์ จากบริษัท
สวนทวีทรัพย์ ฟู้ด จำกัด จังหวัดชุมพร ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการบริหารธุรกิจเกษตรแบบองค์รวม
, คุณธาราพงศ์ วงศ์วัฒนากิจ จากสวนการ์เดนเนอร์เฮ้าส์ จังหวัดราชบุรี ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ
, คุณสุพเจตน์ สินธุพัฒน์ จากบริษัท วิชชุสันต์ จำกัด สวนทุเรียนแม่น้ำภูเขา
จังหวัดจันทบุรี ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการจัดการเกษตรอุตสาหกรรม
หลังจากการมอบรางวัล Success Case มีการเสวนาจากเกษตรกรวัยเก๋า ที่เป็นปราชญ์เกษตรกร เกษตรกรดีเด่น เกษตรกรตัวอย่าง ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อันเป็นภูมิปัญญาด้านการทำการเกษตรดั้งเดิมของรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยขับเคลื่อนอาชีพเกษตรกรให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม เกษตรสมัยใหม่ได้อย่างน่าชื่นชม สร้างความมั่นใจในเส้นทางของเกษตรกรมืออาชีพให้คนรุ่นใหม่
ดร.กิตติโชติ กล่าวว่ากิจกรรมนี้ อยู่ภายใต้โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม
ที่นำเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำที่มากที่สุดเท่าที่กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมเคยจัดกิจกรรมมา
ใช้แนวคิด
"Nested Approach" เชื่อมโยงข้อมูลจากเทคโนโลยี IoT หลากหลายระดับ เป็นการบูรณาการข้อมูลแบบองค์รวม
เป็นการทำการเกษตรที่ใช้ข้อมูลยกระดับช่วยการตัดสินใจที่แม่นยำ หรือ Data Driven Solution อย่างแท้จริง พร้อมพัฒนาระบบ AI Tools ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและแก้ปัญหา
ให้แก่เกษตรกร “เป็นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีการเกษตรมาพัฒนาเกษตรกร Smart
Farmer หรือนักธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แนะนำการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการแก้ปัญหาการทำการเกษตรที่ถูกต้อง”
เป็นย่างก้าวที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมสู่อนาคตด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอน
ให้เกิดประโยชน์ ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่
เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบต้นน้ำคุณภาพ สร้างประสิทธิภาพสูงสุด
ช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในการแข่งขันสู่ระดับสากล
อันเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรม 5.0 ของ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
คุณกำพล โชคสุนทสุทธิ์ นายกสมาคมส่งเสริมดิจิทัลเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม
หรือ DPAI ผู้รับหน้าที่ดำเนินโครงการนี้ กล่าวว่า
กิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งสมาชิกของสมาคมฯ
และเจ้าของเทคโนโลยีทางการเกษตรหลายราย
ที่ต้องการสร้างตัวอย่างความสำเร็จของเกษตรแม่นยำหรือ Precision
Agriculture ในประเทศไทยร่วมกัน เพื่อให้ผู้ที่สนใจ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการเกษตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันเกษตร
องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้แต่เกษตรกรทั่วไป
ได้เข้าถึงองค์ความรู้นี้อย่างมั่นใจว่า ประเทศไทยนอกจากจะตั้งอยู่บนทำเลภูมิศาสตร์ที่ทำการเกษตรได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแล้ว
คนไทยเรามีความสามารถที่จะพัฒนานวัตกรรม
เทคโนโลยีการทำการเกษตรเพื่อเป็นผู้นำด้านเกษตรแม่นยำ เกษตรอัจฉริยะในภูมิภาค
และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร สมาคม DPAI พร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มี
ขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาครัฐที่มีพันธกิจดูแลช่วยเหลือเกษตรกร ภาคเอกชน
ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ หรือแม้แต่เกษตรกรในทุกระดับ
ที่ต้องการความรู้ด้านเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำไปประยุกต์ใช้ต่อยอดขยายผล
รวมถึงสามารถไปเยี่ยมชมพูดคุยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ทุกรายเพื่อดูงานจริงในแปลง
แลกเปลี่ยนประสบการณ์พูดคุยกับทุกท่านได้ตลอดเวลา
คุณกำพล กล่าวต่อว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของโครงการนี้ คือการทำเกษตรแบบใช้ข้อมูลนำ (Data Driven
Agriculture) ไม่ใช่การทำตามความเคยชิน แต่เป็นการวินิจฉัยและจัดการปัญหาอย่างตรงจุดด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งพิสูจน์เชิงประจักษ์แล้วว่า ภายหลังจากที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เข้าใจและปรับเปลี่ยนวิธีคิด
ปรับแนวทางปฏิบัติใหม่ ไม่เพียงแค่ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ยังสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นองค์ความรู้
ที่จะนำไปพัฒนามากกว่าแค่การผลิตต้นน้ำแต่เพียงอย่างเดียว
ยังนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดขยายโมเดลธุรกิจ
มีความมั่นใจในอาชีพเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนั้น ไฮไลต์สำคัญของงานวันนี้ คือการเปิดตัวระบบ “Thailand Agricultural
Digital Passport (ThADP)” ระบบติดตามสินค้าเกษตรด้วย QR Code ผสานเทคโนโลยี
Ai และ Blockchain ที่ช่วยตรวจสอบคุณภาพและความโปร่งใสของสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้บริโภค ลดข้อโต้แย้งทางการค้า ตรวจสอบย้อนกลับได้จริง สร้างความเชื่อมั่นระดับสากล
ในตอนท้าย ผอ.กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม ดร.กิตติโชติ ศุภกำเนิด กล่าวย้ำว่า
จากความสำเร็จของกิจกรรมพัฒนาเกษตรแม่นยำด้วยเทคโนโลยีอวกาศในครั้งนี้
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จะต่อยอดขยายผลไปสู่เกษตรกรหัวขบวน ที่ทางกรมฯ
ได้ดำเนินนโยบายมาก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม
ที่มุ่งเน้นการปฎิรูปทั้งระบบของภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ
ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ Ai ช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง